มะเร็งปากมดลูก สัญญาณเตือนที่ผู้หญิงควรรู้

มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงไทย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้หญิงทั่วโลก แต่เป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรอง และการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

มะเร็งปากมดลูก

Table of Contents

สาเหตุ และปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก

สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกมาจากการติดเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกมากถึง 70% ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่:

  • การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
  • การมีคู่นอนหลายคน
  • การสูบบุหรี่
  • การมีภูมิคุ้มกันต่ำ
  • การใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน

เชื้อ HPV คืออะไร?

เชื้อ HPV หรือ Human Papillomavirus คือไวรัสชนิดหนึ่งที่มีหลายสายพันธุ์ เป็นสาเหตุสำคัญของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่นำไปสู่การเกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง และมะเร็งชนิดอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น มะเร็งทวารหนัก มะเร็งในช่องปาก และมะเร็งคอหอย

อาการ และสัญญาณเตือนมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้นมักไม่แสดงอาการชัดเจน แต่เมื่อมีการลุกลามมากขึ้น อาจพบอาการต่าง ๆ ดังนี้:

  • มีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน
  • มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
  • ตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น หรือมีสีเหลือง-น้ำตาล
  • ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
  • ปวดหลังส่วนล่าง
  • ปัสสาวะหรืออุจจาระลำบาก

มะเร็งปากมดลูกมีกี่ระยะ

  • ระยะเริ่มแรกก่อนเป็นมะเร็ง จะเป็นระยะที่เซลล์ของปากมดลูกเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง และสามารถตรวจพบได้จากการตรวจแปปสเมียร์ แต่ยังไม่สามารถตรวจพบความผิดปกติอื่น
  • ระยะแรก เป็นระยะที่ยังอยู่ในเฉพาะบริเวณปากมดลูกเท่านั้น
  • ระยะสอง เป็นระยะที่มะเร็งลุกลามออกจากปากมดลูกไปบริเวณช่องคลอดส่วนบนหรือบริเวณอุ้งเชิงกราน แต่ยังไม่ลุกลามถึงผนังอุ้งเชิงกราน
  • ระยะสาม เป็นระยะที่มะเร็งลุกลามเข้าไปจนถึงหรือติดผนังอุ้งเชิงกราน หรือก้อนมะเร็งมีการกดทับท่อไต ทำให้การทำงานของไตเสื่อมลงจนไตด้านนั้นไม่ทำงาน (อาจเป็นกับไตทั้งสองข้างก็ได้)
  • ระยะที่ สี่หรือสุดท้าย เป็นระยะที่มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงแล้ว คือ กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก หรือมะเร็งกระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ

การป้องกัน และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

การป้องกันมะเร็งปากมดลูกสามารถทำได้หลายวิธี:

การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV

  • แนะนำให้ฉีดในเด็กผู้หญิงอายุ 9-26 ปี
  • ประสิทธิภาพในการป้องกันสูงถึง 90%

การตรวจคัดกรองด้วยวิธี Pap Smear

  • ควรตรวจทุก 1-3 ปี
  • เริ่มตรวจเมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้ว หรืออายุ 21 ปีขึ้นไป

การรักษามะเร็งปากมดลูก

หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว แพทย์จะมีแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะของโรค สภาพร่างกาย และปัจจัยอื่น ๆ โดยทั่วไปแล้ว การรักษามะเร็งปากมดลูกจะประกอบด้วยวิธีการหลักดังนี้

  • การผ่าตัดมะเร็งปากมดลูก
    การผ่าตัดเป็นวิธีการรักษาหลักสำหรับมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้น โดยแพทย์จะผ่าตัดเอาส่วนที่เป็นมะเร็งออก ซึ่งอาจรวมถึงปากมดลูก มดลูก  และต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการมีบุตรในอนาคต อาจมีตัวเลือกในการผ่าตัดที่รักษามดลูกไว้ได้

  • การใช้รังสีรักษามะเร็งปากมดลูก
    รังสีรักษาใช้เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยอาจใช้ร่วมกับการผ่าตัดหรือใช้ในการรักษามะเร็งระยะลุกลาม รังสีรักษามี 2 ประเภทหลัก คือ การฉายรังสีระยะไกล และการให้รังสีระยะใกล้

  • การใช้เคมีบำบัด
    เคมีบำบัดใช้ยาเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยมักใช้ร่วมกับรังสีรักษาสำหรับมะเร็งระยะลุกลาม หรือใช้ในการรักษามะเร็งระยะแพร่กระจาย

  • การรักษาแบบมุ่งเป้า
    การรักษาแบบมุ่งเป้าเป็นการใช้ยาเพื่อโจมตีเซลล์มะเร็งโดยเฉพาะ โดยมักใช้ร่วมกับเคมีบำบัด

  • ภูมิคุ้มกันบำบัด
    ภูมิคุ้มกันบำบัดช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง โดยมักใช้สำหรับมะเร็งระยะแพร่กระจายหรือในกรณีที่การรักษาอื่น ๆ ไม่ได้ผล

การเลือกวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น:

  • ระยะของโรค: มะเร็งระยะเริ่มต้นมักรักษาด้วยการผ่าตัด ส่วนมะเร็งระยะลุกลามอาจต้องใช้การรักษาแบบผสมผสาน
  • สภาพร่างกายของผู้ป่วย: อายุ สุขภาพโดยรวม และโรคประจำตัวอื่น ๆ
  • ชนิดของมะเร็ง: มะเร็งแต่ละชนิดอาจตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างกัน
  • ความต้องการของผู้ป่วย: ผู้ป่วยสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง

สิ่งสำคัญคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด แพทย์จะให้คำแนะนำ และอธิบายถึงข้อดี ข้อเสีย และผลข้างเคียงของแต่ละวิธีการรักษาอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้ป่วยตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

การดูแลตัวเองหลังการรักษา หลังจากการรักษา ผู้ป่วยควรดูแลสุขภาพตนเองอย่างสม่ำเสมอ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา

การป้องกันมะเร็งปากมดลูก วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกคือการฉีดวัคซีน HPV และการตรวจปาปสมัยเป็นประจำ นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันที่สำคัญ

การดูแลตนเอง และการป้องกันจากมะเร็งปากมดลูก

การป้องกัน และดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ควรปฏิบัติดังนี้:

    • ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ
    • มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย
    • งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผัก และผลไม้
    • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

สรุปเรื่องมะเร็งปากมดลูก

การตระหนักรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงทุกคน การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้ หากพบความผิดปกติใด ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

แหล่งที่มา
อาการ สาเหตุ และการรักษา 
โรคร้ายของผู้หญิงทุกคน
มะเร็งปากมดลูก สาเหตุ, อาการ, การรักษา ฯลฯ
มะเร็งปากมดลูก เพชฌฆาต คร่าชีวิตผู้หญิงไทย