เนื้องอก มะเร็ง และซีสต์ ข้อแตกต่างที่ควรรู้
เนื้องอก มะเร็ง และ ซีสต์ หลายคนมักจะสับสนเนื่องจากเป็นคำที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและฟังดูคล้ายคลึงกัน แต่ความจริงแล้วทั้งสามอย่างมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน การทำความเข้าใจถึงความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
เนื้องอก คืออะไร?
เนื้องอก (Tumor) คือ ก้อนเนื้อส่วนเกินที่พบเจอได้ตามร่างกาย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะภายใน หรือภายนอก เกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ ทำให้เนื้อบริเวณนั้น ๆ มีการขยายตัวที่ผิดแปลกออกไป ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก กรรมพันธุ์ การอักเสบ หรือการติดเชื้อ ความเครียด อาหารการกิน หรือการสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมก็ได้
มะเร็ง คืออะไร เป็นอย่างไร?
มะเร็ง (Cancer) เป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรงที่มีลักษณะพิเศษ คือ เซลล์มะเร็งสามารถรุกรานเนื้อเยื่อข้างเคียงและแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายผ่านระบบเลือดหรือน้ำเหลือง เรียกว่า การแพร่กระจาย (Metastasis) ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญที่แตกต่างจากเนื้องอกธรรมดา
ซีสต์ คืออะไร เป็นอย่างไร?
ซีสต์ (Cyst) เป็นก้อนที่มีลักษณะเป็นถุงมีของเหลวอยู่ภายใน มีเยื่อหุ้มชัดเจน แตกต่างจากเนื้องอกที่เป็นก้อนเนื้อ ซีสต์ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่อาจก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือความไม่สบายได้ ลักษณะเฉพาะของถุงน้ำ มีดังนี้:
- มีขอบเขตชัดเจน
- มักมีขนาดคงที่
- ภายในมีของเหลว
- ส่วนใหญ่ไม่อันตราย
- สามารถยุบหายเองได้
ประเภทของเนื้องอก
เนื้องอกธรรมดา (Benign Tumor)
เนื้องอกธรรมดาที่ไม่ใช่เนื้อร้าย เนื้องอกประเภทนี้เซลล์จะไม่ลุกลามไปยังเนื้อเยื่ออื่น ๆ มักมีการเจริญเติบโตช้า และไม่ส่งผลต่อร่างกายมากนัก ตัวอย่างเนื้องอกธรรมดา เช่น เนื้องอกไขมัน เนื้องอกต่อมน้ำเหลือง
เนื้องอกธรรมดามีหลายชนิดด้วยกัน โดยชนิดที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ไฟโบรมา หรือ ไฟบรอยดส์ (Fibromas/Fibroids) อาจเกิดขึ้นกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพันบริเวณใดก็ตามบนร่างกาย มักเกิดขึ้นในมดลูก และสร้างความเสียหายทำให้มีอาการอย่างเลือดไหลออกจากช่องคลอด ปวดท้องน้อย หรือมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ
- ปาปิลโลมา (Papillomas) เป็นเนื้องอกที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อบุผิวและมีลักษณะก้อนเนื้อคล้ายรูปนิ้วมือ อาจเกิดขึ้นบริเวณผิวหนัง ท่อน้ำนมบริเวณทรวงอก ปากมดลูก หรือเยื่อบุหนังตา เนื้องอกชนิดนี้เป็นผลมาจากการสัมผัสกับเชื้อไวรัส Human Papillomavirus: HPV
- ไลโปมา (Lipomas) หรือเนื้องอกไขมัน เกิดจากเซลล์ไขมัน มักเกิดขึ้นบริเวณลำคอ แขน ไหล่ หรือหลัง มักมีลักษณะกลม เคลื่อนไปมาได้ ก้อนนุ่ม และเจริญเติบโตอย่างช้า ๆ
- อะดีโนมา (Adenomas) เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อบุผิวของต่อมภายในร่างกาย มักเกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่ ตับ หรือต่อมไทรอยด์ ซึ่งเนื้องอกชนิดนี้อาจพัฒนาไปเป็นเนื้อร้ายได้ แต่มีโอกาสเกิดน้อยกว่า 1 ใน 10 ครั้งที่พบเนื้องอกชนิดนี้
- ฮีแมงจิโอมา (Hemangiomas) เป็นการรวมตัวของเซลล์หลอดเลือดในผิวหนังหรือในอวัยวะภายในเกิดเป็นเนื้องอก อาจปรากฏในรูปของปานสีแดงหรือสีดำคล้ำ
- ไฝ หรือ ปาน (Nevi/Moles) เกิดขึ้นที่ผิวหนัง อาจเป็นจุดหรือบริเวณสีชมพู สีแทน สีน้ำตาล ไปจนถึงสีดำคล้ำ หากไฝหรือปานมีการเจริญเติบโตขึ้นอย่างผิดปกติหรือผิดรูปร่างไปจากเดิม ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ เพราะอาจเป็นสัญญาณเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้
- ไมโอมา (Myoma) เป็นเนื้องอกของกล้ามเนื้อ และไลโอไมโอมา (Leiomyomas) เป็นเนื้องอกที่เติบโตในกล้ามเนื้อเรียบบริเวณอวัยวะต่าง ๆ
- ออสทีโอคอนโดรมา (Osteochondroma) เป็นเนื้องอกบริเวณกระดูกที่มักทำให้เกิดปุ่มนูนตรงข้อต่อ อย่างหัวเข่าหรือหัวไหล่
- นิวโรมา (Neuromas) เป็นเนื้องอกที่เจริญเติบโตบริเวณเส้นประสาท อาจเกิดขึ้นได้กับบริเวณใดก็ตามบนร่างกายที่เป็นที่อยู่ของเส้นประสาท
- เมนิงจิโอมา (Meningiomas) เป็นเนื้องอกที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อหุ้มสมองและเยื่อหุ้มไขสันหลัง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการทางสมองและระบบประสาท เช่น ปวดหัว อ่อนแรงครึ่งซีก เป็นต้น
เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย (Cancerous Tumor)
เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายนี้ เป็นเนื้องอกอันตราย โดยเซลล์ของเนื้องอกชนิดนี้จะสามารถลุกลาม หรือแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียงและอวัยวะอื่น ๆ ได้ หรืออาจพัฒนาไปเป็นมะเร็งในที่สุด
วิธีสังเกตอาการและสัญญาณเตือน
อาการของเนื้องอกจะขึ้นอยู่กับชนิด ตำแหน่ง และขนาดของเนื้องอก เมื่อพบความผิดปกติต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว:
- พบก้อนผิดปกติที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
- มีอาการปวดรุนแรงบริเวณที่พบก้อน
- มีเลือดออกผิดปกติ
- มีไข้ หรืออาการอ่อนเพลียผิดปกติ
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัยว่าก้อนที่พบ ต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจใช้วิธีการต่างๆ ดังนี้:
- การตรวจร่างกายทั่วไป
- การตรวจด้วยภาพถ่ายทางการแพทย์ เช่น เอกซเรย์ อัลตราซาวด์ CT scan หรือ MRI
- การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy)
- การตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor markers)
การป้องกันและการดูแลสุขภาพ
แม้ว่าไม่สามารถป้องกันการเกิดได้ทั้งหมด แต่สามารถลดความเสี่ยงได้โดย:
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น บุหรี่ แอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพประจำปี
- สังเกตความผิดปกติของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
สรุปเรื่องข้อแตกต่างของ เนื้องอก มะเร็ง และซีสต์
- เนื้องอก คือ ก้อนเนื้อที่เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิดปกติ อาจเป็นทั้งชนิดที่ไม่ร้ายแรงและร้ายแรง
- มะเร็ง คือ เนื้อร้าย ที่เกิดจากเซลล์ในร่างกายเจริญเติบโตผิดปกติและแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว
- ซีสต์ คือ ถุงที่บรรจุของเหลว มักไม่เป็นอันตราย
- การวินิจฉัย: เพื่อให้ทราบแน่ชัดว่าก้อนที่พบเป็นซีสต์หรือเนื้องอก จำเป็นต้องตรวจโดยแพทย์ เช่น การอัลตราซาวนด์ การเอ็กซเรย์ หรือการเจาะตรวจชิ้นเนื้อ
- การรักษา: การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่งของก้อนที่พบ เช่น การผ่าตัด การใช้ยา หรือการฉายรังสี
การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างเนื้องอก มะเร็ง และซีสต์ จะช่วยให้เราสามารถสังเกตอาการผิดปกติและเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ดังนั้น คุณควรสังเกตความผิดปกติของร่างกาย และยิ่งหากคุณพบก้อนเนื้อที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม อย่าปล่อยปละละเลย เพราะการตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้
แหล่งที่มา
รู้จักความแตกต่างของมะเร็งกับเนื้องอก
อาการ, สาเหตุ, การรักษา
แตกต่างกันอย่างไร อันตรายแค่ไหน?