สิ่งน่ารู้ข้อมูลเกี่ยวกับแก้วมังกร

ประวัติแก้วมังกร

แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อย มีอายุยาวนานหลายปี ลำต้นมีลักษณะแปลกตา เป็น 3 แฉกมีสีเขียว อวบน้ำ ซึ่งแท้จริงแล้วคือใบที่เปลี่ยนรูปไป ส่วนลำต้นที่แท้จริงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางของแฉกทั้ง 3 บริเวณตาข้างจะมีหนาม 1-5 หนาม ดอกจะเกิดบริเวณปลายกิ่งในช่วงเดือนเมษายน เมื่อบานมีลักษณะคล้ายปากแตร จะบานในช่วงหัวค่ำจนถึงเช้า เมื่อติดผลแล้ว ผลอาจมีสีชมพูหรือเหลือง เนื้อผลภายในมีทั้งสีขาวและแดงขึ้นอยู่กับพันธุ์ และมีเมล็ดสีดำอยู่ในเนื้อผลแก้วมังกร เป็นพืชในตระกูลกระบองเพชร สามารถปลูกได้ดีในทุกสภาพพื้นที่จึงเป็นที่นิยมปลูกกันมากอย่างแพร่หลาย ผลจะมีลักษณะเป็นสันเหลี่ยมทู่ ๆ เรียงรายอยู่ทั่วไปบนผิวเปลือก เปลือกหนาสีออกชมพูอมส้ม ภายในผลเมื่อผ่าออกจะมีเนื้อสีขาวขุ่นภายในเนื้อก็จะมีเมล็ดเล็ก ๆ ซึ่งใหญ่กว่าเมล็ดงานิดเดียวฝังตัวอยู่เต็มไปหมด เมื่อรับประทานจะมีรสชาติหวานเย็น กรุบกรับไม่ระคายคอ

ที่มาของภาพ

ประโยชน์ของแก้วมังกร

ผลแก้วมังกรมีคุณค่าทางอาหาร มีสารกลุ่ม FOS ในปริมาณสูง มีคุณสมบัติเป็นสาร Prebiotic ที่ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ได้ ช่วยแก้ปัญหาการขับถ่ายต่างๆ ได้ดี และเนื่องจากตัวมันเองไม่ค่อยถูกดูดซึม ดังนั้นกินปริมาณมากก็ไม่ทำให้อ้วน แต่คงไม่สามารถใช้เป็นอาหารหลักในการลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณป้องกันโรคหัวใจ, ความดันโลหิตตับ, เบาหวาน, มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก เสริมสร้างภูมิต้านทานกระดูก, ฟัน และกล้ามเนื้อ

  1. ช่วยคลายร้อน 

ในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าว แก้วมังกร นับว่าเป็นตัวเลือกดับความร้อนที่ดี เพราะในเมล็ดของแก้วมังกรนั้นเต็มไปด้วยไขมันที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งมีคุณสมบัติต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน มีส่วนช่วยบรรเทาอุณหภูมิภายในร่างกาย ดับ

  1. แก้อาการท้องผูก

เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง จึงช่วยกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีสารกลุ่มโอลิโกแซคคาไรด์ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ และช่วยแก้อาการท้องผูกได้ดี

  1. ช่วยให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง 

ในแก้วมังกรมีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินซี โปรตีน คลอโรฟิลล์ แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณได้ทั้งสิ้น และยังช่วยชะลอริ้วรอยต่างๆ ได้อีกด้วย

  1. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

การรับประทานแก้วมังกรสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดไม่ต้องใช้อินซูลินได้ อีกทั้งช่วยบรรเทาโรคโลหิตจาง ช่วยเพิ่มธาตุเหล็ก และยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้

  1. ดูดซับสารพิษออกจากร่างกาย 

ในเมล็ดของแก้วมังกรนั้นมีสารที่ช่วยดูดซับสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกายได้ เช่น ตะกั่ว ที่มาจากควันรถและท่อไอเสีย หรือสารตกค้างจากยาฆ่าแมลง ที่ติดมากับผักและผลไม้ที่รับประทาน

  1. ต้านโรคมะเร็ง

แก้วมังกรมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โดยเฉพาะพันธุ์เนื้อแดง ซึ่งจะมีสารไลโคปีนอยู่เป็นจำนวนมาก มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระและกระบวนการอักเสบในร่างกายอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง

  1. เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย 

การรับประทานแก้วมังกรสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง รวมทั้งช่วยต้านโรคภัยต่างๆ ได้ดี เนื่องจากเนื้อของแก้วมังกรอุดมไปด้วยวิตามินซีและแคโรทีนอยด์ สารเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และต้านการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้

  1. บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง 

คุณประโยชน์ข้อนี้เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีอายุย่างเข้าวัยทอง กระดูกจะได้แข็งแรง ไม่แตกหรือหักง่าย

  1. ช่วยเพิ่มน้ำนม

แก้วมังกรเป็นหนึ่งในอาหารเพิ่มน้ำนม โดยจะช่วยกระตุ้นการขับน้ำนมของคุณแม่หลังคลอดบุตรได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่มีประโยชน์ต่อคนที่ตั้งครรภ์ เช่น ธาตุเหล็ก วิตามินบี และกรดโฟลิก

แก้วมังกรมีโทษไหม

  • แก้วมังกรถือเป็นผลไม้เย็น ทำให้ท้องเสียได้ง่าย อาการซีด มือเท้าอ่อนแรง คนที่ร่างกายเย็นไม่ควรกินเยอะ
  • ผู้หญิงไม่ควรกินเยอะ ร่างกายของผู้หญิงจะค่อนข้างเย็น พยายามอย่ากินแก้วมังกรเยอะ
  • ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน ร่างกายจะเย็นมาก ช่วงเวลานี้ไม่ควรกิน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปขัดขวางการไหลของประจำเดือน
  • คนท้องต้องระวังเป็นพิเศษ แก้วมังกรมี Plant albumin คนท้องที่มีอาการแพ้ต้องระวัง
  • ไม่ควรรับประทานแก้วมังกรพร้อมกับนม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการย่อยอาหาร
  • เวลาเลือกซื้อแก้วมังกรสามารถดูจากเปลือกสีแดงของมัน ยิ่งแดงยิ่งดี อีกอย่างบริเวณ “ใบที่เปลี่ยนรูปไป” ของมันยิ่งเขียวยิ่งแปลว่าสด ถ้ามันเริ่มเป็นสีเหลือง แปลว่าแก้วมังกรผลนั้นเริ่มไม่สดแล้ว เวลาเลือกซื้อต้องสังเกตดีๆ
  • ก่อนผ่าแก้วมังกรต้องล้างให้สะอาด จำไว้ว่าต้องล้างเปลือกให้สะอาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แบคทีเรียบนเปลือกเข้าไปในเนื้อได้
  • ถ้าเป็นแก้วมังกรที่ซื้อมาแบบหั่นเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้รีบๆรับประทานให้หมด สถานที่สำหรับเก็บต้องเป็นที่เย็น แต่ห้ามเข้าตู้เย็นเด็ดขาด! เนื่องจากแก้วมังกรถือเป็นผลไม้เขตร้อน ถ้าอยู่ในตู้เย็นโดยที่ไม่มีเปลือกปกป้อง เนื้อแก้วมังกรจะเสียได้ง่าย
  • คนที่ร่างกายมีอาการมีเสมหะ มีเลือดออกควรจะรับประทานให้น้อยลง สามารถทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มหลังรับประทานข้าว
  • หลายๆคนเชื่อว่าแก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยเนื่องจากมันไม่ค่อยหวาน แต่จริงๆแล้วน้ำตาลในแก้วมังกรเป็นคนละชนิดกับน้ำตาลผลไม้ในผลไม้ชนิดอื่น มันเป็นกลูโคสที่สามารถดูดซึมได้ง่าย และมีน้ำตาลสูง ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานควรรับประทานให้น้อย เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำตาลขึ้น

แก้วมังกรควรทานไม่เกินวันละกี่ลูก

ถึงแม้แก้วมังกรจะช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีก็จริง เพราะเป็นผลไม้ที่มีไขมันอิ่มไม่อิ่มตัวเยอะ มีแคลอรี่ต่ำ อีกทั้งช่วยลดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย แต่ควรทานวันละไม่เกิน 1 ลูก

เเก้วมังกรดีอย่างไร