5 วิธีรับมือกับอาการ ประจำเดือนมาเยอะ เกินไป
ประจำเดือนมาเยอะ เกินไป หรือที่เรียกว่า เมนส์มาก (Menorrhagia) เป็นปัญหาที่ผู้หญิงหลายคนประสบพบเจอ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ อาการนี้ไม่ใช่เรื่องปกติเสมอไป และอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ การรับมืออย่างถูกวิธีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้จะนำเสนอ 5 วิธีรับมือกับอาการ ประจำเดือนมาเยอะ เกินไป พร้อมทั้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดูแลสุขภาพของตนเอง
ทำความเข้าใจสาเหตุของ ประจำเดือนมาเยอะ
ก่อนที่จะเข้าสู่วิธีการรับมือ เราควรทำความเข้าใจสาเหตุของ ประจำเดือนมามากเกินไปเสียก่อน สาเหตุอาจเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่:
- ความผิดปกติของฮอร์โมน: ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเป็นสาเหตุหลัก อาจเกิดจากโรคต่างๆ เช่น โรคต่อมไทรอยด์ โรคต่อมหมวกไต หรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบฮอร์โมน
- ปัญหาเกี่ยวกับมดลูก: เช่น เนื้องอกในมดลูก (Fibroids) ถุงน้ำในรังไข่ (Ovarian cysts) หรือโพลิปในมดลูก (Uterine polyps) ซึ่งอาจทำให้เลือดไหลมากผิดปกติ
- การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ หรือยาบางชนิดที่ใช้ในการรักษาโรคอื่นๆ อาจมีผลข้างเคียงทำให้ประจำเดือนมามากขึ้น
- ภาวะแทรกซ้อนหลังการคลอดบุตร: การคลอดบุตรอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์ ทำให้ประจำเดือนมามากขึ้นได้
- การมีประจำเดือนครั้งแรก (Menarche): ในช่วงเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรก ร่างกายอาจยังไม่ปรับสมดุลของฮอร์โมนได้ดี จึงอาจมีเลือดออกมากเป็นพิเศษ
- ใกล้หมดประจำเดือน (Perimenopause): ในช่วงก่อนหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ประจำเดือนมามากขึ้น ผิดปกติ หรือมีระยะเวลาที่ไม่สม่ำเสมอ
- โรคเลือดออกผิดปกติ: บางครั้ง ประจำเดือนมามากเกินไปอาจเป็นสัญญาณของโรคเลือดออกผิดปกติ เช่น โรค von Willebrand disease หรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด
การดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อประจำเดือนมาเยอะ
ก่อนที่จะไปพบแพทย์ คุณสามารถดูแลตนเองเบื้องต้นได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้:
- ใช้ผ้าอนามัยแบบซึมซับสูง: เลือกใช้ผ้าอนามัยที่มีคุณภาพดี และมีคุณสมบัติในการซึมซับสูง เพื่อป้องกันการรั่วซึม และลดความรู้สึกอึดอัด
- เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ: ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-3 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้นหากจำเป็น เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู และลดอาการต่างๆ ที่เกิดจาก ประจำเดือนมาเยอะรับประทาน
- อาหารที่มีประโยชน์: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ร่างกายขับของเสียได้ดีขึ้น และลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ที่อาจเกิดขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ในช่วงที่มี ประจำเดือนมาเยอะ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ เพื่อป้องกันการสูญเสียเลือดมากเกินไป
- ใช้ความร้อนประคบ: การใช้ความร้อนประคบ เช่น ใช้ถุงน้ำร้อนประคบที่ท้องน้อย อาจช่วยลดอาการปวดท้องได้
ประจำเดือนมาเยอะเกินไป ใช้ยาอะไรดี
หากอาการ ประจำเดือนมาเยอะ เกินไปอย่างรุนแรง หรือไม่ดีขึ้นหลังจากการดูแลตนเองเบื้องต้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษา แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาต่างๆ เช่น:
- ยาฮอร์โมน: ยาฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด หรือยาฮอร์โมนชนิดอื่นๆ อาจช่วยควบคุมระดับฮอร์โมน และลดปริมาณเลือดที่ไหลออก
- ยาแก้ปวด: ยาแก้ปวด เช่น ไอบูโปรเฟน หรือแนโปรเซน อาจช่วยลดอาการปวดท้อง และลดการอักเสบ
- การผ่าตัด: ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องผ่าตัด เช่น การผ่าตัดเอาเนื้องอกในมดลูกออก หรือการผ่าตัดมดลูก หากสาเหตุเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับมดลูก
- การใช้ยาอื่นๆ: แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาอื่นๆ เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาอื่นๆ ตามความเหมาะสม
วิธีป้องกันประจำเดือนมาเยอะ
การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างอาจช่วยลดอาการประจำเดือนมามากเกินไปได้ เช่น:
- ลดน้ำหนัก: หากคุณมีน้ำหนักเกิน การลดน้ำหนักอาจช่วยลดอาการประจำเดือนมามากเกินไปได
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และช่วยควบคุมระดับฮอร์โมน
- ลดความเครียด: ความเครียดอาจทำให้ประจำเดือนมาเยอะขึ้น การจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย หรือการพักผ่อน จึงมีความสำคัญ
- เลิกสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่อาจทำให้ประจำเดือนมามากขึ้น การเลิกสูบบุหรี่จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง: การสูญเสียเลือดมากอาจทำให้ร่างกายขาดธาตุเหล็ก การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อแดง ผักใบเขียว หรืออาหารเสริมธาตุเหล็ก จึงมีความสำคัญ
ประจำเดือนมาเยอะเมื่อใดควรไปพบแพทย์
ควรไปพบแพทย์หากคุณมีอาการ ประจำเดือนมาเยอะ และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น:
- ปวดท้องอย่างรุนแรง: ปวดท้องมากจนทนไม่ไหว หรือปวดท้องอย่างต่อเนื่อง
- เลือดออกมากจนเวียนหัว: เลือดออกมากจนทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เวียนหัว หรือเป็นลม
- มีเลือดออกผิดปกติ: มีเลือดออกนอกรอบประจำเดือน หรือมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์
- มีอาการอื่นๆ ที่ผิดปกติ: เช่น มีไข้ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการอื่นๆ ที่ผิดปกติ
การไปพบแพทย์อย่างทันท่วงที จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยสาเหตุ และวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง และช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
บทสรุป ประจำเดือนมาเยอะ
ประจำเดือนมามากป็นภาวะที่สามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ การรับมือกับภาวะนี้จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจ การดูแลตนเอง และการปรึกษาแพทย์ การติดตามประจำเดือน การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การใช้ยาหรือสมุนไพร การรักษาทางการแพทย์ และการเตรียมพร้อมรับมือ ล้วนเป็นวิธีการที่สามารถช่วยบรรเทาอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิตได้ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวล เพื่อให้ได้รับการดูแลและรักษาที่เหมาะสม และมีสุขภาพที่ดี
แหล่งอ้างอิง
20 ข้อควรรู้เกี่ยวกับประจำเดือน
ประจำเดือนมามากผิดปกติ อาการ สาเหตุ และการรักษา
เคลียร์ข้อสงสัย ประจำเดือนมามาก …อันตรายไหม?
ประจำเดือนมามาก อันตรายไหม? อาการแบบไหนที่ไม่ปกติ